การใช้งาน Terrain ใน Unity เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิทัศน์ขนาดใหญ่และซับซ้อน เช่น ภูเขา, หุบเขา, แม่น้ำ, หรือทุ่งหญ้า มาดูวิธีการใช้งานกันครับ

1. การสร้าง Terrain ใหม่

  1. เปิด Unity Editor: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเปิดโปรเจกต์ Unity ของคุณอยู่
  2. สร้าง GameObject Terrain:
    • ไปที่เมนู GameObject > 3D Object > Terrain
    • คุณจะเห็นพื้นผิวขนาดใหญ่สีเขียวปรากฏขึ้นใน Scene ของคุณ นี่คือ Terrain ที่คุณสร้างขึ้นมา

2. การปรับแต่ง Terrain Settings

เมื่อคุณเลือก Terrain ใน Hierarchy Panel, คุณจะเห็น Terrain Inspector ปรากฏขึ้นใน Inspector Panel. นี่คือส่วนสำคัญที่คุณจะใช้ปรับแต่ง Terrain ของคุณ

  1. Terrain Collider: Terrain จะมาพร้อมกับ Terrain Collider โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้วัตถุอื่นๆ ใน Scene สามารถชนกับพื้นผิว Terrain ได้
  2. Resolution: (ไอคอนรูปฟันเฟือง/เกียร์)
    • Terrain Width/Length: กำหนดขนาดของ Terrain ในหน่วย Unity Units (เมตร)
    • Terrain Height: กำหนดความสูงสูงสุดที่ Terrain สามารถมีได้
    • Resolution (Heightmap, Alphamap, Detailmap): ค่าเหล่านี้มีผลต่อคุณภาพและประสิทธิภาพของ Terrain โดยรวม การเพิ่ม Resolution จะทำให้ Terrain มีรายละเอียดมากขึ้นแต่ก็ใช้ทรัพยากรมากขึ้นเช่นกัน
      • Heightmap Resolution: จำนวนจุดข้อมูลที่ใช้ในการกำหนดความสูงของ Terrain ยิ่งสูงยิ่งละเอียด
      • Alphamap Resolution: ความละเอียดของ Layer สำหรับ Texture ที่จะระบายบน Terrain
      • Detail Resolution: ความละเอียดของ Layer สำหรับ Grass และ Detail Meshes
    • Base Terrain Height: ความสูงเริ่มต้นของ Terrain ทั้งหมด

3. การ Sculpting Terrain (การปั้นรูปร่าง)

นี่คือส่วนหลักในการสร้างภูมิทัศน์ของคุณ คุณจะใช้เครื่องมือต่างๆ ใน Terrain Inspector (ไอคอนรูปแปรง)

  1. Raise / Lower Terrain: (ไอคอนรูปภูเขา)
    • Brush: เลือกขนาดและรูปร่างของแปรงที่คุณต้องการใช้
    • Opacity: กำหนดความเข้มข้นของการเปลี่ยนแปลงความสูงในแต่ละครั้งที่คุณคลิก (เหมือนแรงกดของแปรง)
    • Flatten Height: ช่วยให้คุณสามารถกำหนดระดับความสูงเป้าหมายและปรับ Terrain ให้เรียบเสมอกันที่ความสูงนั้นได้
    • Set Height: กำหนดความสูงของ Terrain ในบริเวณที่แปรงสัมผัสให้เป็นค่าที่ระบุ (ใช้สร้างที่ราบสูงหรือที่ราบเรียบ)
    • Smooth Height: (ไอคอนรูปวงกลมมีขอบเบลอ) ทำให้ Terrain เรียบขึ้นโดยเฉลี่ยความสูงของจุดต่างๆ รอบๆ
    • Erode: (ไม่ค่อยได้ใช้โดยตรงในเครื่องมือพื้นฐาน แต่เป็นผลลัพธ์จากการปั้น) เป็นกระบวนการที่สร้างร่องรอยเหมือนน้ำเซาะหรือลมพัด
    • Paint Holes: (ถ้ามีในเวอร์ชันที่คุณใช้) ใช้สำหรับเจาะรูใน Terrain ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการสร้างถ้ำหรือช่องทางใต้ดิน
    วิธีการใช้งาน: เลือกเครื่องมือ, เลือก Brush และ Opacity ที่ต้องการ, จากนั้นคลิกและลากเมาส์บน Terrain ใน Scene เพื่อปั้นรูปร่างตามที่คุณต้องการ

4. การระบาย Texture (Paint Texture)

เมื่อ Terrain ของคุณมีรูปร่างแล้ว คุณต้องการให้มันดูเป็นธรรมชาติด้วย Textures (ไอคอนรูปพู่กัน)

  1. Add Terrain Layer: คลิกที่ “Paint Texture” (ไอคอนรูปพู่กัน)
  2. Create Layer: คลิกที่ “Edit Terrain Layers” > “Create Layer”
    • เลือก Texture ที่คุณต้องการใช้ (เช่น Grass, Rock, Sand) คุณสามารถลาก Texture จาก Project Panel มาใส่ได้เลย หรือคลิกวงกลมเล็กๆ เพื่อเลือกจาก Asset Library
    • ทำซ้ำขั้นตอนนี้เพื่อเพิ่ม Layers สำหรับ Textures อื่นๆ ที่คุณต้องการใช้บน Terrain
  3. Paint Texture:
    • เลือก Layer Texture ที่คุณต้องการใช้จากรายการใน Inspector
    • เลือก Brush และ Opacity
    • ระบาย Texture บน Terrain ใน Scene ได้เลย ยิ่ง Opacity สูง Texture ก็จะปรากฏชัดขึ้น

5. การเพิ่มต้นไม้ (Place Trees)

คุณสามารถเพิ่มต้นไม้บน Terrain ได้อย่างง่ายดาย (ไอคอนรูปต้นไม้)

  1. Add Tree: คลิกที่ “Paint Trees” (ไอคอนรูปต้นไม้)
  2. Add Tree Model: คลิกที่ “Edit Trees” > “Add Tree”
    • ลาก Prefab ของต้นไม้จาก Project Panel มาใส่ในช่อง “Tree Prefab” หรือเลือกจาก Asset Library
    • ปรับ Bend Factor (ถ้ามี) ซึ่งควบคุมการบิดงอของต้นไม้เมื่อถูกลมพัด
  3. Paint Trees:
    • เลือกต้นไม้ที่คุณต้องการจากรายการ
    • เลือก Brush และกำหนด Brush Size (ขนาดพื้นที่ที่ต้นไม้จะปรากฏ) และ Tree Density (ความหนาแน่นของต้นไม้ในพื้นที่นั้น)
    • คลิกและลากเมาส์บน Terrain เพื่อวางต้นไม้
    • Mass Place Trees: คุณสามารถวางต้นไม้จำนวนมากในพื้นที่ที่เลือกโดยอัตโนมัติ

6. การเพิ่มรายละเอียดเล็กๆ (Paint Details – Grass/Meshes)

สำหรับหญ้าและวัตถุขนาดเล็กอื่นๆ เช่น หินเล็กๆ (ไอคอนรูปดอกไม้)

  1. Add Detail Mesh/Grass Texture: คลิกที่ “Paint Details” (ไอคอนรูปดอกไม้)
  2. Add Grass Texture: (สำหรับหญ้าที่เคลื่อนไหวได้)
    • คลิกที่ “Edit Details” > “Add Grass Texture”
    • ลาก Texture ของหญ้ามาใส่
    • ปรับ Min/Max Width/Height: ขนาดของหญ้า
    • ปรับ Healthy/Dry Color: สีของหญ้าเมื่อมีสุขภาพดีและแห้ง
    • ปรับ Noise Spread: การกระจายตัวของหญ้า
  3. Add Detail Mesh: (สำหรับโมเดล 3D ขนาดเล็ก เช่น หิน)
    • คลิกที่ “Edit Details” > “Add Detail Mesh”
    • ลาก Prefab ของโมเดลมาใส่
    • ปรับ Min/Max Width/Height: ขนาดของโมเดล
    • ปรับ Render Mode: (Grass หรือ VertexLit)
    • ปรับ Noise Spread: การกระจายตัว
  4. Paint Details:
    • เลือก Detail ที่คุณต้องการจากรายการ
    • เลือก Brush และกำหนด Brush Size และ Target Strength (ความหนาแน่น)
    • คลิกและลากเมาส์บน Terrain เพื่อวางรายละเอียด

7. การตั้งค่า Wind Settings (การจำลองลม)

เพื่อให้ต้นไม้และหญ้าของคุณดูมีชีวิตชีวา (ไอคอนรูปก้อนเมฆ)

  1. Wind Settings: คลิกที่ “Terrain Settings” (ไอคอนรูปก้อนเมฆ หรือบางเวอร์ชันอาจอยู่ในไอคอนรูปฟันเฟือง)
  2. ปรับค่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลม:
    • Main Wind: ความแรงลมหลัก
    • Turbulence: ความปั่นป่วนของลม
    • Grass Wind Speed/Size/Bending: การควบคุมการเคลื่อนไหวของหญ้าตามลม

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • Performance: การใช้ Terrain ที่มีขนาดใหญ่และรายละเอียดสูงอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเกม คุณสามารถปรับ Pixel Error ใน Terrain Settings ให้สูงขึ้นเพื่อลดความละเอียดของ Terrain ที่อยู่ไกลออกไป (LOD) หรือใช้ Billboarding สำหรับต้นไม้ที่อยู่ไกล
  • Spline Tools: สำหรับการสร้างเส้นทาง, ถนน, หรือแม่น้ำที่ซับซ้อน คุณอาจพิจารณาใช้ Asset เสริมจาก Unity Asset Store ที่มีเครื่องมือ Spline ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นมาก (เช่น Road Architect, MegaSplat)
  • Heightmap Import/Export: คุณสามารถสร้าง Heightmap ในโปรแกรมภายนอก (เช่น Photoshop หรือ World Machine) แล้วนำเข้ามาใช้ใน Unity หรือส่งออก Heightmap จาก Unity ไปแก้ไขในโปรแกรมอื่นได้
  • Terrain Tools (Package): Unity มีแพ็คเกจเสริมชื่อ “Terrain Tools” ที่สามารถติดตั้งได้ผ่าน Package Manager (Window > Package Manager) ซึ่งมีเครื่องมือเพิ่มเติมและปรับปรุงประสิทธิภาพในการ Sculpting Terrain ให้ดียิ่งขึ้น

การใช้งาน Terrain ใน Unity ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและทดลอง แต่เมื่อคุณเข้าใจหลักการแล้ว คุณจะสามารถสร้างภูมิทัศน์ที่สวยงามและสมจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า